อสูรสมุทรแห่งยุคไดโนเสาร์
นับแต่สมัยโบราณนานมาแล้ว ที่ท้องน้ำอันดำมืดของมหาสมุทรได้ทำให้มนุษย์เกิดจินตนาการถึงอสูรกายขนาดยักษ์ที่น่าหวาดกลัว ทว่าย้อนกลับไปในโลกยุคดึกดำบรรพ์เมื่อครั้งที่เหล่าไดโนเสาร์ครอบครองทั่วทั้งผืนแผ่นดินนั้น ท้องน้ำของมหาสมุทรก็เป็นที่อยู่ของเหล่าอสูรร้ายที่น่าหวาดหวั่นเช่นกัน นอกจากพวกไดโนเสาร์และเทโรซอร์หรือสัตว์เลื้อยคลานบินได้แล้ว ในมหายุคเมโสโซอิคยังมีสิ่งมีชีวิตอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าเกรงขามไม่แพ้กัน นั่นคือ เหล่าสัตว์เลื้อยคลานทะเลทั้งหลาย สัตว์กลุ่มนี้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคเพอร์เมียนซึ่งเป็นยุคสุดท้ายของมหายุคพาลีโอโซอิค โดยในยุคนี้ สัตว์เลื้อยคลานบางชนิดที่หากินอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ ได้เริ่มกลับลงไปใช้ชีวิตในน้ำ ซึ่งสัตว์ชนิดแรกๆ ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็คือ มีโสซอรัส
มีโสซอรัส
มีโสซอรัส ถือเป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลรุ่นแรกๆ พวกมันมีลักษณะทั่วไปคล้ายกับตะโขงโดยมีขากรรไกรที่ยาวเรียวและฟันแหลมยาวที่เรียงกันจนเต็มปาก ซึ่งอาจจะใช้สำหรับดักสัตว์จำพวกกุ้งตัวเล็กๆ และอาจจะมีหางที่แบนคล้ายครีบ รวมทั้งเท้าที่เป็นพังพืดสำหรับช่วยในการว่ายน้ำด้วย
พวกสัตว์เลื้อยคลานทะเลในยุคเพอร์เมียนบางส่วน สามารถรอดจากการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในช่วงสิ้นสุดของมหายุคพาลีโอโซอิคมาได้ พวกมันยังคงมีวิวัฒนาการต่อเนื่องในมหายุคเมโสโซอิคจนมีการแพร่กระจายชนิดพันธุ์อย่างกว้างขวาง
ในช่วงเริ่มต้นของยุคไทรแอสสิคซึ่งเป็นยุคแรกของมหายุคเมโสโซอิค มีสัตว์เลื้อยคลานสองชนิดที่อาศัยอยู่ในทะเล นั่นคือ พวกพลาโคดอนท์ ที่มีลักษณะคล้ายกับกิ้งก่าทะเลตัวป้อมๆที่มีเกราะ ขณะที่บางชนิดก็ดูคล้ายกับเต่า กับ พวกโนโธซอรัส ที่มีลำตัวผอมยาวและอาจจะมีเท้าเป็นพังพืดที่ช่วยในการว่ายน้ำ
พลาโคดอนท์
นอโธซอรัส
เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางยุคไทรแอสสิค ก็มีสัตว์เลื้อยคลานทะเลอีกพวกหนึ่งวิวัฒนาการขึ้นมา นั่นคือ พวกอิคธีโอซอร์ ซึ่งได้วิวัฒนาการจนมีรูปร่างคล้ายกับปลาโลมาและบางชนิดนั้นก็ยังมีขนาดใหญ่พอๆกับวาฬเสปิร์มซึ่งยาวเกือบยี่สิบเมตร สัตว์กลุ่มนี้นับเป็นพวกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในช่วงปลายของยุคไทรแอสสิค
อิคธีโอซอร์
ต่อมา เมื่อเข้าสู่จูราสสิค ก็ได้มีสัตว์เลื้อยคลานทะเลกลุ่มอื่นๆปรากฏขึ้น โดยสัตว์เหล่านี้ได้มีวิวัฒนาการจนแปรสภาพของขาทั้งสี่ให้กลายเป็นครีบเพื่อใช้เคลื่อนตัวในน้ำ อย่างเช่น พวกพลีซิโอซอร์ และ พวกโมซาโรซอร์
พวกพลิซิโอซอร์มีวัวัฒนาการมาจากพวกนอโธซอรัสในยุคไทรแอสสิก พวกมันมีลำตัวอ้วนใหญ่ หางสั้น มีขาทั้งสี่เป็นครีบลักษณะคล้ายกับใบพาย สัตว์ในกลุ่มนี้แยกเป็นพวกคอยาวกับพวกคอสั้น โดยพวกคอยาวนั้นจะมีส่วนหัวเล็กและลำคอยาว ลักษณะของพวกมันจะดูเหมือนเต่าทะเลไม่มีกระดองที่มีคอเป็นงู รูปร่างของพวกมันเหมาะสำหรับล่าสัตว์น้ำขนาดเล็กกินเป็นอาหาร โดยหนึ่งในกลุ่มของพลิซิโอซอร์จำพวกคอยาวที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ อีลาสโมซอรัสที่มีลำคอยาวถึงห้าเมตรซึ่งเท่ากับสองในสามของความยาวทั้งหมดของมัน ในขณะที่พวกพลิซิโอซอร์ชนิดอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับอีลาสโมซอรัส อย่าง ดิปโพลไคดัสและมูเรโนซอรัสจะมีคอที่ยาวพอกับลำตัว
อีลาสโมซอรัส
สำหรับพวกพลิซิโอซอร์จำพวกคอสั้น จะมีหัวโตและขากรรไกรขนาดใหญ่พร้อมกับฟันที่แหลมคม บางชนิดอย่างเช่น ไลโอเพลโลดอน และ โครโนซอรัส มีขนาดใหญ่และอาจจะหนักกว่า 30 ตัน พวกมันน่าจะเป็นนักล่าที่น่าเกรงขามสำหรับสัตว์น้ำขนาดใหญ่ชนิดอื่นๆรวมทั้งพวกไดโนเสาร์ที่หากินอยู่ใกล้ชายฝั่งเป็นอาหาร
ไลโอเพลโลดอน
สัตว์เลื้อยคลานทะเลอีกกลุ่มหนึ่ง คือ พวกโมซาโรซอร์ที่มีวิวัฒนาการมาจากพวกพลาโคดัสหรือกิ้งก่าทะเลในยุคไทรแอสสิก พวกมันเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ ลำตัวค่อนข้างเพรียว บางชนิดมีเกราะที่แผ่นหลัง ลักษณะรูปร่างของมันคล้ายกับกิ้งก่าทะลผสมจรเข้ ขาทั้งสี่มีลักษณะเป็นครีบ ทั้งยังมีส่วนหางที่แบนคล้ายครีบด้วย จึงช่วยให้สามารถว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว สัตว์ในกลุ่มโมซาโรซอร์ ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ โมซาโรซอรัส และไทโลซอรัส
โมซาโรซอร์กำลังกินบีเลมไนท์
นอกจากนี้ บรรดาอสูรสมุทรนักล่าทั้งหลายแล้ว ยังมีสัตว์เลื้อยคลานทะเลขนาดยักษ์อีกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรของมหายุคเมโสโซอิค นั่นก็คือ อาเคลอนซึ่งเป็นเต่ายักษ์ที่มีกระดองยาวกว่า 4 เมตร และหนักถึงสามตัน ขาทั้งสี่ของมันมีลักษณะเป็นครีบแบบเดียวกับเต่าทะเลในปัจจุบัน ลักษณะของปากที่เป็นจงอยแข็งแสดงให้เห็นว่า อาหารของเต่ายักษ์เหล่านี้น่าจะเป็นพวกสาหร่ายและพืชทะเลอื่นๆ
ไทโลซอร์สังหารเต่ายักษ์อาเคลอน
ในช่วงกลางยุคจูราสสิคถึงยุคครีตาเชียสนั้น ได้มีสัตว์เลื้อยคลานทะเลชนิดใหม่ๆหลายชนิดวิวัฒนาการขึ้นมา ขณะเดียวกัน ก็ได้ทำให้พวกสัตว์เลื้อยคลานทะเลกลุ่มเดิมที่เคยครองท้องน้ำในช่วงแรก อย่าง พวกอิคธีโอซอร์ เริ่มลดจำนวนลง เนื่องจากไม่อาจแข่งขันในธรรมชาติกับพวกที่มาใหม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อพวกมันต้องเผชิญหน้ากับพวกนักล่าขนาดยักษ์อย่าง พวกพลิซิโอซอร์คอสั้นบางชนิด ทำให้เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางของยุคครีตาเชียส พวกอิคธีโอซอร์ก็ได้สูญพันธุ์ไป
อย่างไรก็ตาม ในยุคครีตาเชียสนี้ ก็ถือว่าเป็นยุคที่มีสัตว์เลื้อยคลานทะเลแพร่กระจายตัวมากที่สุดและยังมีชนิดพันธุ์ที่หลากหลายที่สุดด้วย แม้ว่า พวกสัตว์เลื้อยคลานทะเลจะอาศัยอยู่ในน้ำ แต่พวกมันก็ยังหายใจด้วยปอด และจะต้องโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อสูดอากาศหายใจเป็นระยะ แบบเดียวกับวาฬและโลมาในปัจจุบัน นอกจากนี้ สัตว์เลื้อยคลานทะลส่วนใหญ่ยังต้องขึ้นมาวางไข่บนบกแบบเดียวกับเต่าทะเล ยกเว้นก็แต่พวก อิคธีโอซอร์ที่ไม่ต้องวางไข่และให้กำเนิดลูกเป็นตัว อยู่ใต้น้ำแบบเดียวกับโลมาและวาฬ
บรรดาสัตว์เลื้อยคลานทะเลทั้งหลายได้ครอบครองท้องน้ำทั่วโลกตั้งแต่ยุคไทรแอสสิคเรื่อยมาจนถึงยุคครีตาเชียส จนกระทั่งเมื่อ 65 ล้านปีก่อน เมื่ออุกาบาตยักษ์พุ่งชนโลกและก่อให้เกิดภัยพิบัติที่นำไปสู่การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในช่วงสิ้นสุดของยุคครีตาเชียส พวกมันก็ได้สูญพันธุ์ไปพร้อมกับเหล่าไดโนเสาร์และเทโรซอร์
0 ความคิดเห็น: